วิธีเลือกยางให้ตรงประเภท “น้ำหนัก-ความเร็ว”
การเลือกซื้อยาง สิ่งแรกคือ เลือกให้ตรงประเภทการใช้งาน ซึ่งปัจจุบันบ้านเราพบเห็นการใช้ผิดประเภทบ่อยมาก เช่น รถตู้โดยสารที่ต้องรองรับน้ำหนักมากๆ กลับเลือกใช้ยางรถเก๋งที่รับน้ำหนักได้น้อยกว่า เพราะเห็นว่ามีความนุ่มนวลกว่า ซึ่งเรื่องนี้ใครที่ใช้บริการรถตู้บ่อยๆ ควรสังเกตก่อนใช้บริการ เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
ทั้งนี้ยางแต่ละเส้นจะกำหนดความสามารถในการรับน้ำหนักเอาไว้และแสดงให้เห็นที่แก้มยาง เป็นตัวเลข 2-3หลัก และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษต่อท้ายเพื่อเทียบรหัสตัวเลขกับความสามารถรองรับน้ำหนักบรรทุก
ตัวเลขดังกล่าว ไม่ได้บอกถึงน้ำหนักที่ยางรับได้ แต่เป็นโค้ดสำหรับใช้ในการเปรียบเทียบความสามารถในการรับน้ำหนักของยาง ซึ่งสามารถขอดูตารางเปรียบเทียบได้จากร้านยางหรือผู้ผลิตยางเพื่อตรวจสอบได้ เช่น ถ้าเป็นเลข 80 หมายความยางเส้นนั้นจะรับน้ำหนักได้ 450 กก./เส้น หรือ 96 รับได้ 710 กก./เส้น หรือถ้าเป็น 112 หมายถึงรับน้ำหนักได้ 1,120 กก./ เส้น เป็นต้น
เมื่อได้ตัวเลขแล้วก็สามารถคำนวณการใช้งานได้ไม่ยาก เช่น รหัส 80 รับน้ำหนักได้ 450 กก. ถ้า 4 เส้น เท่ากับรถคันนั้นรับน้ำหนักได้รวม 1,800 กก. ดังนั้นหากรถบางประเภท เช่น ปิกอัพ หากเลือกติดตั้งยางที่มีรหัสนี้ ก็จะมีความเสี่ยง เพราะแค่ตัวรถปิกอัพ ไม่รวมน้ำหนักบรรทุกสัมภาระ ก็ประมาณ 1,600 กก. เข้าไปแล้ว
ส่วนตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ต่อท้ายเป็นค่ารองรับความเร็วสูงสุด เช่น ถ้าเป็น Nคือ รับการขับขี่ที่ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. หรือY รับได้ถึง300 กม./ชม.
ทำไมต้องดูตรงนี้ คำตอบก็คือเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และความคุ้มค่า เพราะถ้าขับขี่ด้วยความเร็วบ่อยๆ ก็ต้องเลือกยางที่รับความเร็วสูงได้ แต่ถ้าเป็นคนขับรถช้าๆ กินลมชมวิว การเลือกใช้ยางที่รับความเร็วได้สูงมาก ก็ทำให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเปล่าประโยชน์